นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ผู้ผลิตและจำหน่ายตู้ไฟสวิตช์บอร์ด รางเดินสายไฟ อุปกรณ์ที่ใช้เดินสายไฟ ภายใต้เครื่องหมายการค้า KJL รวมถึงสินค้าสั่งผลิต (Made to Order) งานระบบไฟฟ้าและงานโลหะแผ่นแปรรูปสั่งผลิตพิเศษในรูปแบบที่หลากหลายตามความต้องการของลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ แบบครบวงจร โดยใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีทันสมัยจากประเทศญี่ปุ่น
เปิดเผยว่า ภายหลังการเข้าซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2655 จะเร่งนำเงินจากการระดมทุนนำไปใช้ขยายธุรกิจ มุ่งเน้นการเพิ่มกำลังการผลิตรองรับโรงงานแห่งใหม่ที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จในปลายปี 2565 การใช้ระบบออโตเมชั่นและหุ่นยนต์เพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน การขับเคลื่อนเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้าร่วมกับพาร์ทเนอร์ องค์กรต่างๆ
ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงดีไซน์เนอร์ ผ่านศูนย์นวัตกรรม KJL Innovation Campus และขยาย KJL Network สร้างรากฐาน ขยายธุรกิจที่ยั่งยืนและเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัท รองรับโอกาสการเติบโตในทุกภาคอุตสาหกรรมที่มีการใช้ไฟฟ้า รวมถึงรองรับเมกะเทรนด์ในอนาคต อย่าง Digital Economy หรือการพลังงานทดแทนต่าง ๆ
สำหรับผลประกอบการในปี 2565 บริษัทคาดว่าจะ All time high หลังผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2565 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565) บริษัทมีรายได้รวม 758.97 ล้านบาท โตขึ้น 22.27% เทียบกับช่วงเดียวกันกับปี 2564 ที่มีรายได้รวม 620.73 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 98.23 ล้านบาท เติบโตเมื่อเทียบกับทั้งปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 94.04 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในไตรมาสสุดท้ายของทุกปีจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของอุตสาหกรรม ช่วยหนุนผลงานไตรมาส 4/2565 โตโดดเด่น บริษัทจึงคาดแนวโน้มรายได้ปีนี้ ทะลุเป้า 1 พันล้านบาท โตขึ้น 20% จากปี 2564 ที่มีรายได้รวม 845.78 ล้านบาท รวมถึงกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 12-14% จากปีที่ผ่านมาที่โต 11-13% ส่วนในอีก 3 ปีข้างหน้า (2566-2568) บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้เติบโตปีละ 10-15 % และมีกำไรเติบโตต่อเนื่อง
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัท ได้สั่งนำเข้าระบบออโตเมชั่นและหุ่นยนต์ เข้ามาเพิ่มเติม ในการเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าแบรนด์ KJL สินค้าสั่งผลิต สินค้าที่เกี่ยวกับระบบไฟฟ้า และสินค้าโลหะพิเศษแปรรูปสั่งผลิตพิเศษ ให้เพิ่มขึ้น 10-15% จากเดิมที่มีกำลังผลิตสินค้า 20 ล้านชิ้นต่อปี นอกจากนี้ จะรุกตลาด การออกแบบและผลิตสินค้าโลหะแผ่นแปรรูปสั่งผลิตพิเศษในรูปแบบต่างๆ ที่บริษัทมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ เช่น ตู้กดบัตรคิว ตู้ ATM ตู้เติมเงิน ตู้เวนดิ้งแมชชีน (Vending Machine) เครื่องมือทางการแพทย์ เฟอร์นิเจอร์โลหะต่าง ๆ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้เพิ่มมากขึ้น พร้อมสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาดโลก ตลอดจนการนำ “โซลาร์รูฟท็อป” มาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าช่วยแก้วิกฤตโลกร้อนและปัญหาค่าไฟแพง ในฐานะที่เป็น “ผู้นำนวัตกรรม ตู้ไฟรางไฟ ขับเคลื่อนไฟฟ้า เพื่ออนาคตคุณ”
“KJL พร้อมสร้างโอกาสการเติบโตในทุกอุตสาหกรรมที่มีไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้องตามความต้องการใช้ไฟฟ้าในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงการสร้าง New S-Curve ให้ธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด พร้อมสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับนักลงทุนตลอดไป” นายเกษมสันต์ กล่าว