นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ผู้นำด้านนวัตกรรมผลิตตู้ไฟ สวิตช์บอร์ด รางเดินสายไฟ และงานโลหะแผ่นแปรรูปสั่งผลิตพิเศษ Sheet Metal Works ด้วยเทคโนโลยีจากญี่ปุ่น แบบครบวงจร แบรนด์สินค้า KJL และสินค้าสั่งผลิต เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของ KJL ในช่วงเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 9 – 11 พฤศจิกายน 2565 นักลงทุนให้ความสนใจเข้าจองซื้อเต็มจำนวนตั้งแต่วันแรก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท ศักยภาพการเติบโต และโอกาสในอนาคต โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 22 พฤศจิกายน ในหมวดสินค้าอุตสาหกรรม โดยใช้ชื่อหลักทรัพย์ว่า “KJL”
ทั้งนี้ KJL ได้เสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 30 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ราคาหุ้นละ 13.50 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ หรือ P/E 13.99 เท่า มีบริษัท หลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย พร้อมผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย อีก 3 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด
สำหรับผลประกอบการบริษัท ในปี 2562-2564 มีรายได้รวม 753.67 ล้านบาท 708.18 ล้านบาท และ 845.78 ล้านบาทตามลำดับ เติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ร้อยละ 5.93 ต่อปี ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 19.49 ล้านบาท 90.97 ล้านบาท และ 94.04 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ผลประกอบการ 6 เดือนแรกปี 2565 มีรายได้รวม 502.89 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 65.79 ล้าน สูงขึ้นจากปี 2564 ที่มีรายได้รวม 424.92 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 47.87 ล้านบาท พร้อมคาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2565 จะสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี
“เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน สนับสนุนให้ KJL สามารถขยายกำลังการผลิตรับออเดอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งจากกลุ่มลูกค้าเดิมและใหม่ พร้อมมองว่า KJL มีแนวโน้มเติบโตแบบ Growth Stock สอดรับกับการฟื้นตัวในภาพรวมของเศรษฐกิจและการลงทุนภายในประเทศขณะนี้” นายพายุพัดกล่าว
ด้านนายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL กล่าวว่า ขอขอบคุณนักลงทุนที่เชื่อมั่นในศักยภาพและแผนการลงทุนที่มีความชัดเจนของบริษัทฯ ทำให้นักลงทุนจองซื้อหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 30 ล้านหุ้น อย่างล้นหลามเกินความคาดหมาย โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 384.97 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) จะนำไปใช้ในลงทุนเพิ่มกำลังการผลิต โดยลงทุนก่อสร้างโรงงานและเครื่องจักร จำนวน 80 ล้านบาท, ลงทุนระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) จำนวน 25 ล้านบาท, ลงทุนศูนย์นวัตกรรม KJL (KJL Innovation Campus) จำนวน 200 ล้านบาท ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ จำนวน 29.97 ล้านบาท และชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น จำนวน 50 ล้านบาท
สำหรับ กลยุทธ์การเติบโตหลังการลงทุน IPO จากการเพิ่มเป้าหมายการผลิตเครื่องจักรต่าง ๆ จะทำให้ในอีก 3-5 ปี ข้างหน้า กำลังการผลิตของ KJL จะเติบโตขึ้นเฉลี่ยปีละ 15-20 % รวมถึงการเติบโตของธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าที่จะเข้ามาใช้ทดแทนพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลในกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ส่งผลให้สินค้าของ KJL เติบโตไปพร้อมกับความต้องในการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ตลอดจนการส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง KJL กับผู้ประกอบการ พันธมิตร ตลอดจนองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ในการร่วมออกแบบ การดีไซน์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ในมิติต่าง ๆ ไปด้วยกันและสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่รับเทรนด์โลกในอนาคต ภายในศูนย์นวัตกรรม KJL (KJL Innovation Campus) ที่จะสร้างเสร็จภายใน ปี 2568 นับเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ KJL เติบโตแข็งแกร่งและยั่งยืนอย่างมีนัยสำคัญ
“การเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ครั้งนี้ นับเป็นก้าวที่สำคัญในการขยายธุรกิจให้แข็งแกร่ง ตลอดจนสร้าง Brand Awareness ผลิตภัณฑ์และบริษัท ให้เป็นที่รู้จักในอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น รวมถึงการสร้างพันธมิตรเพิ่มเติม และต่อยอดธุรกิจให้สามารถคว้าโอกาสใหม่ ๆ รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมไฟฟ้าที่ใช้มากขึ้น เพื่อการเติบโตของ KJL อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ในฐานะ “ผู้นำนวัตกรรม ตู้ไฟรางไฟ ขับเคลื่อนไฟฟ้า เพื่ออนาคตคุณ” โดยเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในการเข้าซื้อขายในตลาด mai วันแรก” นายเกษมสันต์ กล่าว