นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL เปิดเผย ถึงความคืบหน้าการนำ KJL เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ว่า ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 30 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25.86 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบไฟลิ่งแล้ว คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดสินค้าอุตสาหกรรมภายในปี 2565
ทั้งนี้ KJL มีเป้าหมายการระดมทุนขยายการผลิตให้ทันสมัย ด้วยการก่อสร้างโรงงานใหม่และลงทุนในเครื่องจักรระบบอัตโนมัติเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต , ติดตั้งระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) , ลงทุนศูนย์นวัตกรรม (KJL Innovation Campus) เพิ่มขีดความสามารถด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม , ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ และชำระคืนเงินกู้ในระยะสั้น
“KJL มีความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อให้บริษัทก้าวสู่ความเป็นเลิศในอุตสาหกรรมผลิตและจำหน่ายตู้ไฟสวิตช์บอร์ด รางเดินสายไฟ และอุปกรณ์ที่ใช้เดินสายไฟ และชิ้นส่วนงานโลหะแผ่นแปรรูปสั่งผลิตพิเศษ ภายใต้เครื่องหมายการค้า KJL และผลิตตามคำสั่งซื้อ พร้อมสนับสนุนผลการดำเนินงานให้บริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว” นายพายุพัด กล่าว
ด้าน นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL กล่าวถึงเส้นทางธุรกิจ KJL ว่า บริษัทฯ เริ่มต้นจากโรงงานห้องแถว ก่อนขยายการลงทุนสู่โรงงานอุตสาหกรรมผลิตตู้ไฟ สวิตช์บอร์ด รางเดินสายไฟ และงานโลหะแผ่นแปรรูปสั่งผลิตพิเศษ Sheet Metal Works แบบครบวงจร ด้วยเครื่องจักรและเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยจากญี่ปุ่น ภายใต้เครื่องหมายการค้า KJL และผลิตตามคำสั่งซื้อ (Made-to-order) ที่ได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานสากล ทำให้เป็นที่ยอมรับจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศจนถึงปัจจุบัน
จุดเด่นของ KJL ที่มีประสบการณ์มากถึง 26 ปี ด้วยทีมผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญที่มีศักยภาพ มุ่งเน้นการผลิตและการบริการแบบครบวงจรที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมส่งมอบงานภายในกรอบเวลาที่กำหนด ทำให้ KJL ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและองค์กรต่าง ๆ จากหลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึงการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ “ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric)” ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าชั้นนำระดับโลก ในการมอบลิขสิทธิ์แก่ KJL ให้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตู้สวิตช์บอร์ดไฟฟ้า รุ่น Prima iPM
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงปี 2562-2564 บริษัทมีรายได้จากการขาย 753.67 ล้านบาท 708.18 ล้านบาท และ 845.78 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิ อยู่ที่ 19.49 ล้านบาท 90.97 ล้านบาท และ 94.04 ล้านบาท ตามลำดับ
ส่วนผลประกอบการงวด 6 เดือนปี 2565 บริษัทมีรายได้จากการขาย 502.89 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 65.79 ล้านบาท เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปี 2564 ซึ่งมีรายได้จากการขาย 424.92 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 47.87 ล้านบาท
“การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้บริษัทเติบโตในอุตสาหกรรมอย่างมั่นคง และเสริมสร้างศักยภาพให้ KJL เป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมตู้ไฟ รางไฟ ระบบไฟฟ้า และชิ้นส่วนโลหะแผ่นแปรรูปสั่งผลิตพิเศษแบบครบวงจร เพื่อสร้างแบรนด์ให้เติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ของบริษัท และยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการต่อยอดความสำเร็จของ KJL ไปด้วยกัน” นายเกษมสันต์ กล่าว